Kensaku ร้านอาหารญี่ปุ่นย่านอารีย์ที่เจ้าของร้านและเชฟมีความรู้และฝีมือระดับโหดสัส ทุกครั้งที่ไปจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เรียกได้ว่าแตกต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยแน่นอน
ด้วยความที่คุณอ๊อบเจ้าของร้านเนี่ย เค้าเป็นคนที่เรียกว่ามีเส้นสายในการนำเข้าวัตถุดิบ เราจึงจะได้เห็นเมนูที่หาทานได้ยากมากมายทั้งในไทยและญี่ปุ่น บวกกับเชฟนิวที่มีฝีมือและมากประสบการณ์ สองท่านนี้จึงเป็นหัวใจหลักของร้าน Kensaku นั่นเอง
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าผมเองนั้นติดตามเพจ Kensaku และ Sushikiri มานานหลายปี (เมื่อก่อน Kensaku ขายออนไลน์) โดยติดตามในฐานะคนอ่าน เพราะเค้าจะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารและวัฒนธรรมการทานของคนญี่ปุ่น โดยเฉพาะในเรื่องของปลา เพราะคุณอ๊อบเนี่ย เป็นคนชอบปลาระดับ Geek ใครสนใจก็ลองไปดูกันได้ครับ จะได้เห็นปลาแปลกๆ กันบ่อยเลยทีเดียว
ซึ่งพอทราบมาว่า Kensaku กำลังจะเปิดหน้าร้าน ก็หาโอกาสไปรับประทานแน่นอนหลังจากที่สูบความรู้ในเพจเขามานาน โดย Blog ในนี้จะเขียนจากที่เค้าเชิญมา และผมกับเพื่อนไปซ้ำเองอีกรอบนะครับ
ร้าน Kensaku อยู่ที่พหลโยธินซอย 4 สามารถนั่ง BTS อารีย์เดินมาอีกประมาณ 400 เมตรได้ หาไม่เจอก็เปิด Google Maps ได้ครับ ร้านจะเป็นลักษณะบ้านเล็กๆ ในซอย ตกแต่งหน้าร้านแบบญี่ปุ่นสังเกตได้ไม่ยาก จอดรถได้ประมาณ 12 คัน
บรรยากาศภายในร้านก็จะตกแต่งสไตล์แบบร้าน Isakaya มีทั้งแบบนั่งตรงบาร์ และแบบโต๊ะใหญ่นั่ง 4 คน สำหรับท่านที่มาครั้งแรกผมก็จะแนะนำให้นั่งตรงบาร์จะได้พูดคุยกับเชฟได้ด้วยครับ เพลินๆ เชฟนี่เล่าเรื่องปลาแบบน้ำไหลไฟดับเลยทีเดียว
เค้าจะมี Whiteboard เขียนเมนูที่เพิ่มเข้ามานอกจากเมนูหลักของแต่ละวันไว้ คือ เค้าก็ไม่ได้มีแต่เมนูยากๆ นะครับ เมนูตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปก็มี ผมแนบเมนูพร้อมราคาไว้ท้ายบทความนะ
ผมประจำตรงบาร์หล่ะครับ ด้านซ้ายคือคุณอ๊อบ ด้านขวาคือเชฟนิว กำลังโชว์ลีลาแล่ปลาแซลมอนกันอยู่ อันนี้เค้าจะให้ผมลองทานซูชิแซลมอนแบบปกติ เทียบกับโอโดริแซลมอนว่าเป็นอย่างไร
ภาพด้านล่าง คำซ้ายคือโอโดริแซลมอน ด้านขวาคือแซลมอนปกติ
ให้ลองนึกถึงเนื้อแซลมอนซาซิมิแบบปกติ ที่มีสัมผัสนุ่ม มีมันแทรก แต่โอโดริแซลมอนจะเป็นแซลมอนที่มีความกรอบ เด้ง มีเทกเจอร์ให้เคี้ยวเพลินๆ โอโดริแซลมอนเป็นเนื้อแซลมอนที่ผ่านกระบวนการลับที่นำน้ำจากเนื้อปลาออกมา ทำให้กลายเป็นเนื้อแซลมอนที่เด้งกรอบมีมิติมากขึ้น
โดยที่โอโดริแซลมอนเค้าจะแอบมีไว้อยู่ในเมนูเซ็ต เนี่ย ร้านนี้เค้าจะชอบมีลูกเล่นอะไรแบบนี้แทรกเอาไว้ด้วย
Hana Maki (250 บาท)
เมนูพื้นบ้านเรียกน้ำย่อยตามฤดูอีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจมาก ดอกวาซาบิเป็นวัตถุดิบท้องถิ่นที่แม้แต่ในญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้หาทานได้ง่ายๆ วางเป็นไส้มากิคู่กับปลาทูน่า เวลาทานจะได้กลิ่นหอมวาซาบิเบาๆ เผ็ดแบบวาซาบินิดๆ อร่อยดีครับ เป็นเมนูที่เปิดประสบการณ์ใหม่เลย
อันนี้ไฮไลท์ของร้านเลยครับ ที่เห็นอยู่ในชามคือปลาไหลสดที่นำเข้ามาเป็นตัวๆ ซึ่งบอกเลยว่าหาทานแบบนี้ยาก เพราะส่วนใหญ่ร้านที่ใช้จะเป็นแบบสำเร็จรูปปรุงรสชาติกับซอสมาเรียบร้อย ฉีกซองนำเข้าเวฟ ร้านนี้นำเข้ามาทั้งตัว มีให้เลือกว่าจะทานปลาไหลธรรมชาติหรือปลาไหลแบบเลี้ยงฟาร์ม และมีการย่างสองแบบ ย่างซอสกับย่างขาว รสชาติก็จะต่างกันออกไปแล้วแต่ชอบ
ราคาก็จะมีดังนี้ (เป็นราคา ณ วันที่ 5 เมษายน 61 ให้อัปเดตราคาก่อนที่แฟนเพจร้านนะครับ)
แบบฟาร์ม
- ครึ่งตัวย่างซอส 900 บาท
- ยกตัวย่างซอส 1,650 บาท
- ยกตัวย่างขาว 1,700 บาท
แบบธรรมชาติจากไอจิ
- ครึ่งตัว 1,400 บาท
- ยกตัว 2,500 บาท
ปกติเค้าจะแล่กันอยู่หลังร้านนะครับ อันนี้เค้ามาแล่โชว์ให้ผมดูเฉยๆ เป็นการย่างแบบคันโต คือ ผ่าหลัง แล้วนำไปย่างซอส
คุณอ๊อบเค้าบอกว่าอุนางิเนี่ย คนที่ทำต้องเรียนแล่ 3 ปี เสียบไม้ 8 ปี และเรียนรู้การย่างไปตลอดชีวิต รายละเอียดแต่ละขั้นตอนเยอะมาก แล้วไม่ได้หาเรียนกันง่ายๆ โดยเฉพาะการย่างที่ปลาแต่ละตัว ขนาดตัว ปริมาณไขมัน เนื้อ ฤดูกาล และอีกมากมายนั้น เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการย่างทั้งสิ้น
แน่นอนว่าร้าน Kensaku เค้าจะใช้ซอสคาบายากิแบบแท้ๆ จะไม่เหมือนร้านทั่วไปที่อาจจะใช้ซอสเทริยากิที่มีรสหวานและเหนียว
อุนางิคาบายากิ เป็นซอสที่เคี่ยวจากกระดูกปลาไหล ตัวซอสเนี่ยยิ่งนานยิ่งขลัง เพราะตัวซอสจะผ่านการจุ่มปลาไหลซ้ำไปซ้ำมา รสชาติและไขมันจากปลาไหลก็จะอยู่ในซอสนั่นแหละ ยิ่งทำให้รสชาติและกลิ่นหอมเข้มข้นมากยิ่งขึ้น อย่างซอสของร้านนี้ก็เคี่ยวกันมา 5 ปีกว่าแล้ว (ร้านดังๆ ในญี่ปุ่นซอสร้อยปีขึ้นไปก็มี)
พอใกล้ได้ที่เค้าก็จะนำซอสราดลงไปบนตัวข้าว พร้อมกับปลาไหลที่เพิ่งย่างเสร็จใหม่ๆ บรรจงวางลงไป ถึงตอนนี้เราจะได้กลิ่นหอมมมมมม ยั่วน้ำลายมาก
Kabayaki Unajyuu (แบบธรรมชาติเต็มตัว 2,500 บาท)
มาแล้วววว ขอบอกว่ารสชาติทั้งเนื้อปลาไหลและซอส แตกต่างจากที่เคยทานมาพอสมควรเลยครับ เนื้อนุ่ม หนังมีความกรอบเบาๆ มีเลเยอร์ไขมันเล็กน้อย (แบบเลี้ยงฟาร์มไขมันจะมากกว่า) ซอสจะรสชาติไม่จัดมาก แต่จะมีความหอมเป็นจุดเด่นเลย อร่อยยยยยยยยย
สำหรับเซ็ตปลาไหลย่างทั้งตัว ปริมาณจะค่อนข้างเยอะ สาวๆ สามารถแบ่งทานกันได้สองคนเลยนะ
เอาจริงผมว่าราคาก็ไม่ใช่ถูก แต่ถ้าจะหาปลาไหลย่างสดทานในเมืองไทยก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ต่อให้ร้านที่ญี่ปุ่นเองก็เถอะ ถ้าไม่ใช่ร้านเฉพาะทางก็จะเป็นปลาไหลแบบฉีกซองเข้าเวฟซะส่วนใหญ่ ถ้าคิดซะว่าเป็นราคาที่ไม่ต้องบินไปกินถึงญี่ปุ่นก็เป็นราคาที่จ่ายได้นะ
ภาพด้านล่างคือแบบครึ่งตัวตอนผมมาซ้ำอีกรอบกับเพื่อนครับ
Shirayaki Unajyuu (แบบเลี้ยงฟาร์ม 1,700 บาท)
ปลาไหลแบบเลี้ยงฟาร์มย่างขาวบ้างครับ สำหรับใครที่อยากสัมผัสรสชาติของเนื้อปลาไหลที่แท้ทรู ก็สามารถสั่งแบบนี้ได้ ทานพร้อมกับเกลือและวาซาบิได้เลย จะได้กลิ่นหอมของเนื้อปลาไหลย่างแท้ๆ อร่อยไปอีกแบบนะ ส่วนตัวแล้วผมชอบแบบย่างซอสมากกว่า อันนี้ก็แล้วแต่ชอบ
ถัดมาจะพาชมเค้าแล่หัวปลาทูน่าครับ พอดีว่าวันที่ผมไปเป็นวันอังคารที่ปลาเข้าร้านพอดี จึงมีโอกาสได้ชมครับ สำหรับหัวปลาทูน่าเนี่ยเรียกว่าหายากมาก เพราะการที่จะได้หัวปลามาด้วยคือต้องนำเข้ามาทั้งตัว ซึ่งก็จะมีอยู่ไม่กี่ร้านในบ้านเราหรอกครับที่นำเข้ามาทั้งตัว หัวปลาทูน่าจึงเรียกได้ว่าเป็นระดับแรร์ไอเทมเลย
*** ที่ผมทานไม่ได้เป็นชิ้นจากที่แล่สดๆ นะครับ เพราะทูน่าสดๆ จะมีรสเปรี้ยว (แต่ก็ทานได้นะ แล้วแต่ชอบ) ทูน่าสดต้องผ่านการบ่มให้ถูกวิธีและเวลาที่เหมาะสมจะได้เนื้อปลาที่มีรสชาติอร่อย ที่เค้าแล่นี่คือเค้าจะเก็บไว้บ่มก่อน
ที่เค้ากำลังแล่อยู่คือส่วนของโนเต็น หรือเนื้อส่วนหน้าผากนั่นเองครับ จะได้ออกมาเป็นชิ้นๆ แบบนี้
Nouten Sushi เนื้อหน้าผาก (300 บาท)
ประสบการณ์ครั้งแรกของผมกับเนื้อส่วนโนเต็นหรือหน้าผาก เป็นเนื้อส่วนที่มีไขมันค่อนข้างจัด ไม่ถึงระดับโอโทโร่นะ แต่ก็นุ่มละลายยยยยยยยย รสจะไม่จัดมาก เบาๆ อร่อยครับ ข้าวที่ใช้ทำซูชิจะค่อนข้างร่วน รสจัดกำลังดี
ต่อไปเป็นเนื้อส่วนแก้มของปลาทูน่า เชฟแล่คล่องมากครับ
Hoho Sushi เนื้อส่วนแก้มทูน่า
เนื้อส่วนนี้จะมีสีแดงสด เป็นเนื้อส่วนที่ถูกใช้งานตลอดเวลา มีมันแทรกเล็กน้อย จุดเด่นเลยคือเนื้อจะมีความเด้ง กรอบเล็กน้อย เคี้ยวสนุก คล้ายกับเคี้ยวเนื้อวัวสด
แอบไปส่องในครัวเล็กน้อยครับ ที่เห็นอยู่ในภาพคือเค้ากำลังหุงข้าว ซึ่งเป็นวิธีการหุงข้าวแบบญี่ปุ่นโบราณ ตามที่เราเห็นกันในการ์ตูนญี่ปุ่นนั่นแหละครับ ก็จะมีหม้อหุงข้าวอยู่ด้านล่าง แล้วก็จะมีนู่นนี่วางทับอยู่ด้านบน น่าสนใจดีครับ
Tako Wasabi (150 บาท)
ปลาหมึกสดคลุกวาซาบิ เพื่อนสั่งมา ผมแอบชิม เห้ย มันอร่อยดีอ่ะ รสจะไม่จัดไปทางใดทางหนึ่งมากนัก กลมกล่อม ทานง่าย อันนี้แล้วแต่คนชอบนะ แต่ผมชอบรสประมาณนี้แหละ
Dashimaki (150 บาท)
เมนูไข่หวาน ด้านนอกจะสุกกำลังดี ตรงกลางจะเกือบสุกนุ่มมม รสชาติหวานกำลังดี ใช้ได้ครับ
Unagikimo Kabayaki (450 บาท)
เมนูนี้คือตับปลาไหลย่าง อีกหนึ่งเมนูที่หาทานได้ยาก ถ้าไม่ได้นำปลาไหลเข้ามาเป็นตัวๆ ย่างมาหอมม๊ากกกกก เบื้องต้นจะคล้ายตับไก่นะ แต่จะนุ่มและหอมกว่า ทานกับไข่แดงสด
Salmon Ikura Don (390 บาท)
ชามนี้เพื่อนสั่ง ปริมาณไซส์กำลังอิ่ม เพื่อนบอกว่าชอบ Ikura รสเค็มกำลังดี เข้ากับข้าวสวยมาก
Sashimi Set (450 บาท)
อันนี้ของเพื่อนครับ จิ๊กมันถ่ายรูปมาประดับบล็อค สวยๆ
Chutoro Tsuke Don (750 บาท)
เมนูของเพื่อนอีกแล้ว เป็นเนื้อปลาทูน่าส่วนที่เป็นชูโทโร่นำไปหมักครับ เพื่อนผมกระซิบเบาๆ ด้วยหน้าตาฟินๆ ว่า นุ่มหอมอร่อย เป็นชูโทโร่สึเคะที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลยทีเดียว โอ้วววว ไว้เดี๋ยวมาจัดบ้าง
ตาเป็นประกายมาก หุหุ
Engawa Sushi (100 บาท/คำ)
เอ็นกาวะของร้านนี้เค้าจะไม่นำไปเผา ด้วยเหตุผลที่ว่า เค้าอยากให้ทานเอ็นกาวะที่แท้ทรูจากรสชาติและรสสัมผัสของมันอย่างเต็มที่ แบบนี้จะเคี้ยวเพลินกว่า อันนี้ก็แล้วแต่ชอบล่ะ บางคนก็จะชอบเบิร์นให้มีกลิ่นไขมันโดนเผานิดหน่อย
ก่อนกลับ เห็นว่าตรงเคาน์เตอร์หน้าร้านเค้าจะมีพวกขนมหรือของแปลกๆ จากญี่ปุ่นจำหน่ายด้วยครับ อย่างเช่น ซูกัสรสปลาแซลมอน,โค้กรสพีช, เนื้อกระป๋องแปลกๆ อะไรประมาณนี้ ก็น่ารักดี
สรุปรีวิวร้าน Kensaku
- เมนูเด่นก็คงจะไม่พ้นปลาไหลแน่นอน ราคาแรง แต่ถ้าเทียบว่าไม่ต้องบินไปญี่ปุ่นเพื่อกินปลาไหลย่างคุณภาพระดับนี้ ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
- ร้านเค้าจะนำเสนอเมนูที่น่าสนใจหลายเมนู โดยเฉพาะเมนูพื้นบ้านญี่ปุ่นที่หาทานได้ยาก ติดตามได้ที่แฟนเพจร้าน
- ถ้าใครชอบเรื่องปลา วัตถุดิบ เรื่องราววัฒนธรรมญี่ปุ่น ให้นั่งตรงบาร์คุยกับเชฟหรือคุณอ๊อบเลยครับ เพลินแน่นอน
- เมนูเบสิคทั่วไปอย่างซาซิมิหรือด้งก็ทำออกมาได้ดีเลย และราคาไม่แรงนัก
ข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook : facebook.com/kensakushop
- Tel : 096 426 9878
- Open : 11:00 – 14:00 น. และ 17:00 – 22:00 น.