หน้าร้อนมาเยือน แล้วมันก็ร้อนจริงจังทุกปี เมื่อเราย้ายเส้นศูนย์สูตรไม่ได้ ก็หาวิธีเอนจอยกับมันกัน ช่วงนี้หลายๆร้านก็จะนำเมนูคลายร้อนมาเสิร์ฟกัน ร้าน OSHA ก็จัดเมนูข้าวแช่ต้นตำหรับชาววังออกมา ซึ่งมีให้ทานเฉพาะหน้าร้อนนี้เท่านั้น สำหรับปีนี้ก็มีให้ลองได้แต่ตอนนี้ ถึง 15 พฤษภาคม 2559
OSHA Thai Restaurant and Bar เป็นร้านอาหาร Fine-dining หรูหรา อยู่บนถนนวิทยุ ใกล้แยกสารสิน ร้านตกแต่งสวยงาม เหมาะมากสำหรับดินเนอร์มื้อพิเศษหรือตอนรับแขกบ้านแขกเรือน พาชาวต่างชาติมาทาน
โซน Out Door ของร้านก็มี บรรยากาศดี วิวสวย มานั่งตอนค่ำๆ ชิวได้ใจ
ที่นั่งบนโซนชั้น 2 ของร้าน มีกำแพงที่ตกแต่งด้วย Wall Paper เป็นภาพวาดเรื่องราวของรามเกียรติ์ สวยงามอลังการมาก แต่รามเกียรติ์ตอนไหนไม่รู้นะ ตอนเด็กๆผมไม่ค่อยตั้งใจเรียน
แชนเดอร์เรียรูปชฎา สูงใหญ่สวยงาม เรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของร้านเลย ร้านนี้ตกแต่งหรูหราสวยงามโดยแฝงสเน่ห์ของความเป็นไทย มองไปทางไหนก็สะกดสายตา ใครสาย interior design มาที่นี่เพลินแน่นอน
Osha Chada เครื่องดื่ม Cocktail/Mocktail ที่เป็น Signature ของร้าน สวมชฎามาเลยทีเดียว
อ้าาา และที่พิเศษของวันนี้คือผมได้พบกับ เชฟ ปูริดา ธีระพงษ์ เป็น Corporate chef ของ OSHA มาร่วมพูดคุยและให้ความรู้เกี่ยวกับรายละเอียดของเมนูที่มาทานวันนี้ กราบขอบพระคุณมากจริงๆ
ข้าวแช่ตำรับชาววัง The Royal Recipe of Kao-Chae (550 บาท)
ข้าวแช่ เป็นชื่ออาหารชนิดหนึ่ง มีข้าวสุกขัดแช่น้ำเย็น ซึ่งมักเป็นน้ำดอกไม้ แล้วกินกับเครื่องกับข้าวต่าง ๆ เช่น ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ เนื้อเค็มฝอยผัดหวาน หัวหอมสอดไส้ ผักกาดเค็มผัดหวาน ปลาแห้ง และเครื่องผัดหวานต่าง ๆ นิยมรับประทานในหน้าร้อน ปัจจุบัน อาจใส่น้ำแข็งในข้าวแช่ด้วย
เชื่อกันว่า ข้าวแช่เดิมเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวมอญ นิยมทำสังเวยเทวดาในตรุษสงกรานต์ ต่อมา ชาววังรับไปปรับปรุงเรียกว่า “ข้าวแช่เสวย” หรือ “ข้าวแช่ชาววัง” เมื่อสิ้นรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี 2453 แล้ว ข้าวแช่ได้รับการเผยแพร่ไปนอกวังและเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง – จาก wikipedia.org
เชฟบอกว่าน้ำนี่เป็นน้ำแร่ที่แช่ในโอ่งดิน ทำให้มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษ์และความเย็นที่จะอยู่นานกว่าการแช่ตู้เย็น อันนี้น่าสนใจครับ น้ำข้าวแช่จะหอมกลิ่นดอกไม้ไทย 4 ชนิด ได้แก่ ดอกกุหลาบมอญ(สีชมพูเท่านั้น) ดอกชมนาด ดอกกระดังงา และนำไปอบควันเทียน คือหอม หอมจริงจัง หอมชื่นใจทุกครั้งที่เข้าปาก
ข้าวที่ใช้เป็นข้าวเสาไห้ โดยข้าวแช่เค้าจะต้องใส ผ่านหลายกระบวนการเพื่อนำเยื่อที่หุ้มเมล็ดข้าวอยู่ออกไป จะไม่เหมือนข้าวต้มที่เอาข้าวสวยไปใส่กับน้ำเลย อื้อหือ คือพิถีพิถันและซับซ้อนมาก
มาดูทางเครื่องเคียงกันบ้างครับ เครื่องเคียงก็ถือว่าเป็นจุดวัดความเลิศของเมนูข้าวแช่เช่นกัน เครื่องเคียงที่มีรสชาติหลากหลาย กลิ่น และเท็กเจอร์หลายๆแบบ เป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งเวลาทานข้าวแช่เช่นกัน
ลูกกะปิผัด (Shrimps Paste Ball) กะปิชั้นเลิศคลุกเคล้าด้วยปลาช่อนย่างและสมุนไพรไทย ทั้ง กระชาย ตะไคร้ หอมแดง ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ นำไปผัด จากนั้นนำไปชุบแป้งทอด เป็นลูกกลมๆพอดีคำ แป้งด้านนนอกกรอบมาก ข้างในมีรสเค็มกลมกล่อม โดยมีกลิ่นกะปิไม่แรงมาก
หมูผัดน้ำพริกมะขาม (Fried Pork with Tamarind Paste) หมูแดดเดียวฉีก ปรุงรสด้วยกระเทียม พริกแห้ง กะปิ และมะขามเปียก รสชาติจะเค็มนำ อมหวาน มีรสเปรี้ยวนิสๆเท่านั้น การปรุงรสหมูเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน OSHA เลย
ปลายี่สนผัดหวาน (Stir Fried Sweet Yee-Son Fish) เนื้อปลายี่สนฉีกเป็นเส้น นำไปผัด ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลปี๊บ มีรสชาติหวานเค็ม หอมน้ำตาลปี๊บ จะมีความอร่อยเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเมื่อทานกับข้าวแช่หอมๆ
หัวผักกาดเค็มผัดหวาน (Stir-fried sweet pickled Chinese turnips) ผัดไชโป๊รสชาติให้หวานหอม จากน้ำตาลปี๊บและเกลือ ไชโป๊นี่เค้านำไปผัดจนมีความใส ขึ้นเงา เส้นไชโป๊ไม่ติดกันเป็นแพ
หอมแดงจุกยัดไส้ (Stuffed Thai Shallots) หอมแดงชุบแป้งทอดกรอบ ยัดไส้ด้วยปลาช่อนย่าง มีกลิ่นหอมของหอมแดงเป็นเอกลักษณ์ กรอบอร่อยดี
พริกหยวกสอดไส้หุ้มไข่ (Thai Style Sweet Pepper Stuffed with Pork) ด้านล่างของไข่ทอดแบบฟูๆ มีพริกหยวกคว้านยัดไส้ด้วยหมูสับและกุ้งบด ตัวพริกหยวกยัดไส้นี่เข้ากันได้ดีงามมาก แม้จะเป็นพริกหยวกแต่ไม่ได้ทานยาก ตัวเปลือกของพริกหยวกจะเป็นรสชาติที่ตัดกับไส้ที่ปรุงรสข้างใน
วิธีการทานเราจะไม่นำเครื่องเคียงลงไปในข้าวแช่นะครับ เราจะทานเครื่องเคียงก่อน เคี้ยวๆหน่อย แล้วทานข้าวตาม เครื่องเคียงเมื่อทานกับข้าวแช่แล้วเป็นคอมโบที่สุดยอดมาก น้ำข้าวแช่เย็นๆหอมๆ ข้าวเม็ดสวยไม่เละ อยากให้ได้มาลองชิมสักครั้ง ฟินมาก
กุ้งแช่น้ำปลา Dancing King Prawns (380 บาท)
อันนี้เป็นเมนูทีเด็ดของร้าน กุ้งแช่น้ำปลาไฮโซจานนี้ถูกลวกด้วยไฮโดรเจนเหลวเพื่อลดความคาวเวลาทานกุ้งสดๆ ซอสที่ราดก็ไม่ธรรมดาอีก เค้านำพริกขี้หนูกับมะนาวสามพรานมาปั่นละเอียดแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน จนกลายเป็นซอร์เบท์
กุ้งสดเด้ง แต่ไม่มีกลิ่นคาว รสของซอสแซ่บกลมกล่อม ความเผ็ดปานกลาง แต่ถ้าสำหรับลิ้นชาวต่างชาติจานนี้ก็ถือว่าเผ็ดอยู่มากทีเดียว
ผลไม้น้ำปลาหวานเครื่องจิ้ม OSHA- Thai Summer Fresh Fruit (280 บาท)
ผลไม้แช่เย็นเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำแข็งเย็นเจี๊ยบ แกะสลักมาสวยงาม แค่ถ่ายรูปก็คุ้มแล้ว อีกหนึ่งไอเทมที่เราสามารถนำมาใช้ต่อสู้กับอากาศร้อน
มี น้ำปลาหวาน บ๊วยผง พริกเกลือ สำหรับทานคู่กัน ผมชอบมะม่วงแช่เย็นๆ + บ๊วยม๊ากกกกกก
ขนมโคไรซ์เบอรรี่ (Riceberry Sugar Dumplings with Coconut)
เมนูของหวานปิดท้ายครับ ขนมโคในน้ำกะทิ ท็อปปิ้งด้วยข้าวพองไรซ์เบอร์รี่
เปิดฝามาจะพบหน้าตาของขนมหวานประมาณนี้
ด้านบนเป็นข้าวพองไรซ์เบอร์รี่กรอบๆ
ด้านล่างจะเป็นขนมโค ขนมโคเนี่ยเป็นขนมพื้นบ้านของภาคใต้ ด้านนอกเป็นแป้งนุ่มๆ ข้างในเป็นมะพร้าวขูดเค็มๆมันๆ มีกลิ่นหอมและรสชาติหวานจากน้ำตาลมะพร้าว
นำข้าวพองโปรยลงไปในกะทิเลยครับ ทานพร้อมกัน อร่อย หอมมากๆ
จบมื้อกับ Hot Latte โอ้ ร้านนี้เค้าใช้กาแฟ illy ด้วยครับ ไม่ธรรมดา ไฮโซไปอีก
สรุป ข้าวแช่ต้นตำหรับ OSHA Thai Restaurant & Bar
ถือว่าดีงามพระรามแปดมากกับข้าวแช่ต้นตำหรับชาววังของร้านนี้ ทั้งรสชาติและความเพลิดเพลิน เรียกว่าเป็นข้าวแช่ที่เพอร์เฟกต์ไปทุกอย่าง สมราคาคุย เมนูนี้มีให้ทานช่วงหน้าร้อน ถึง 15 พฤษภาคม 59 (แต่เมืองไทยมันก็ร้อนทั้งปีนะ อิอิ)
ผัดไทยของร้านนี้ก็เห็นเค้าว่ากันว่าเด็ดนักหนา ไว้มีโอกาสก็เดี๋ยวจะไปลองเช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม
Facebook : facebook.com/OSHABANGKOK
Website : www.oshabangkok.com
Tel : 02 256 6555