พี่สิงห์ใจดี พาทีมงาน กูหิว และเพื่อนๆ Blogger จากหลายเพจ หลายเว็บไซต์ มาเยี่ยมชมร้านใหม่ ในเครือ Est.33 โดยใช้ชื่อว่า Eatview by Est.33 จะเป็นอย่างไรนั้นไปชมกันเลย
เริ่มจาก คอนเซ็ปและการตกแต่งร้านจะมาในบรรยากาศ Fishing House ใช่แล้วววววว อ่านไม่ผิดแต่อย่างใด เพราะทาง Est.33 ต้องการนำเสนอเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของหมู่บ้านชาวประมงเมื่อเสร็จจากงานและต้องการมาพักผ่อน ร่วมพูดคุย คบค้าสมาคมทำธุรกิจต่างๆ
กลิ่นอายของร้านจะยังคงความ “ดิบ-แต่-เนี๊ยบ” เอาไว้จาก Est.33 โดยในอนาคตนั้น ร้าน Eatview by Est.33 จะไปอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ โดยเน้นไปสถานที่ย่านใกล้ชายทะเล
และมาถึงส่วนสำคัญแล้ววววที่รอคอยยยยย อาหารของเรามาเสิร์ฟแล้วววววว
Penne Tom Yum (290 บาท)
เป็นเมนูอัดแน่นไปด้วยเครื่องอาหารทะเล กุ้งตัวโต หมึกยักษ์ และปลาแซลม่อนหั่นชิ้นพอดีคำ มาพร้อมกับเส้นเพนเน่ เสิร์ฟพร้อม น้ำต้มยำรสชาติกำลังดีแบบที่ชาวต่างชาติต้องชอบแน่นอน
โดยการเสิร์ฟน้ำต้มยำนั้น จะมาในเครื่อง French Press หาได้ใช่กาแฟไม่ แต่คือเครื่องแบบเดียวกันนั้นเอง ดูมีเอกลักษณ์มากๆ
Spicy Roasted Bier-B-Q Pork Ribs (390 บาท)
ซี่โครงหมูอบซอสบาร์บีคิว รสเผ็ด สูตร Est.33 จานนี้ถือเป็นจานที่เด็ดของร้านที่มาแล้วต้องสั่งแน่นอน ความเจ๋งคือเมนูนี้ได้รางวัล จากสถาบัน International Taste & Quality Institute 2016 เป็นสถาบันรับรองด้านรสชาติและคุณภาพอาหารนานาชาติ จากประเทศเบลเยี่ยม
ใส่กรอบแขวนเลย
เชฟปิ๊กสุดหล่อ เจ้าของสูตร
และแน่นอนว่าต้องไม่ผิดหวัง ซี่โครงหมูที่ผ่านการตุ๋นข้ามวัน มีความนุ่มมากจนเป็นเอกษณ์ที่เพียงแค่ใช้ตะเกียบกดลงไปเนื้อก็ขาดแล้ว และซอสบาร์บีคิวนั้นก็สุดยอดทั้งรสชาติและกลิ่นของเครื่องเทศ 33 ชนิด อร่อย กราบบบบบ
เมนูนี้เคยรีวิวไปครั้งนึงแล้ว ดูได้ที่ >> [Review] ไปชิม Bier-B-Q Pork Spare Ribs ซอสที่ได้รับรางวัลการันตี ที่ EST.33
Truffle Alfredo Pasta (260 บาท)
พาสต้าอัลเฟรโด้ครีมทรัฟเฟิล(ชื่อเรียกยากจุง ขอชื่อเล่นด้วยได้มั้ย) คำแรกเข้าปากอุทานว่า ทรัฟเฟิ๊ลลลลลล ทรัฟเฟิล ความหอมและรสชาติของทรัฟเฟิลเข้มข้นชัดเจนมากๆ ใครชอบแบบครีมมี่ๆ หอมๆ จะรักเลย
โดยทางเชฟกล่าวว่าไม่มีการหวงในตัวทรัฟเฟิลเลย เพื่อที่อยากจะให้ทุกคนที่ได้ทานจานนี้สัมผัสได้ตั้งแต่คำแรกที่ทาน
Sizzerling Seafood Fried Rice (390)
ข้าวผัดต้มยำทะเลกระทะร้อน เป็นอีกหนึ่งจานที่ชอบมาก มาก มาก คนเดียวหมดจาน เชฟบอกว่า กรรมวิธีของจานนี้นั้นเป็นวิธีการทำแบบเดียวกันกับช้าวผัดสเปน แต่ใช้ข้าวญี่ปุ่นในการผัดแทน ทำให้น้ำซอสซึมเข้าไปในข้าว และแห้งกำลังดี ไม่ฝืดคอจนเกินไป เพิ่มรสชาติด้วยการบีบเลม่อนเผาที่เสิร์ฟมาด้วยรสชาติเข้ากันได้ดีมากๆ
Melt in The Mouth (Aging Beef) (460 บาท)
เนื้อที่ผ่านการบ่ม (Aging) นำไปย่างกับซอสสูตรพิเศษ เนื้อที่นุ่มมากๆ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วและข้าวเหนียวชุบไข่ทาเนยปรุงรสย่าง กรอบนอกนุ่มใน ที่เข้ากันกับเนื้อได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ติดว่ามีจานอื่นเต็มโต๊ะนี่จะสั่งเบิ้ลแล้ว
คือเป็นเนื้อบ่มชั้นดีที่นำมาทานแบบไทยๆ จิ้มแจ่วข้าวคั่วหอมๆ ข้าวเหนียวชุบไข่ เป็นเมนูที่หาทานยากแน่นอน
Grilled Tako Olanlaaa (230 บาท)
หนวดปลาหมึกย่างซอสพีนัท หนวดปลาหมึกยักษ์มาพร้อมกับซอสพีนัทและข้าวเกรียบแผ่นพอดีคำ เป็นอาหารที่ทานได้เพลินๆ คู่กับเบียร์ อย่างเข้ากัน โดยเฉพาะซอสพีนัทนั้น รสชาติเป็นเอกษณ์มากๆ
และมาถึงไฮไลท์ประจำร้านนั้นก็คือเครื่องดื่มทั้ง ที่มีแอลกอฮอล์ และ ไม่มีแอลกอฮอล์ แต่เราจะเน้นไปที่เบียร์ชนิดต่างๆ กันครับ (แต่เดี๋ยวแอบแถมรูปเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ไว้ด้วยเพื่ออรรถรส ในการรับชม)
เราเลือกเบียร์มา 2 ชนิด จากทาง Est.33 นั้น ได้แก่ ทั้ง 2 แก้วนี้เลยคร้าบบบ
Snowy Beer (ซ้าย) และ HOF Beer (ขวา)
โดย Snowy Beer นั้นมีกลิ่นหอมของผลไม้ ฮอบป์สายพันธุ์ดี และข้าวสาลีเกรดพรีเมี่ยมของสิงห์ รสชาติดื่มง่ายเพราะความหอมหวานจากผลไม้นั้นคือ การใส่เปลือกส้มซันควิซลงไปในกรรมวิธีการ Brew ด้วย ทำให้ดื่มง่ายมากๆ
ส่วน HOF Beer นั้น เป็น Alcohol Free สูตรพิเศษรายแรกในประเทศไทย โดยมีเพียงแค่ 0.5 เปอร์เซ็นต์ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ต้องการแฮงค์เอาท์อย่างหนัก ดื่มได้เรื่อยๆ แต่โดยส่วนตัวรสชาติออกจะขมเล็กน้อย แต่ถือว่าทำให้ไม่เมาได้มากเท่า Snowy Beer
และบรรดา Mocktail ผลไม้เจ้มจ้นหลากหลาย
มาทางของหวานกันบ้างงงงง
Chocolate Lava (190 บาท)
ช็อคโกแลตลาวาเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมโฮมเมด เป็นช็อคโกแลตแบบที่มีรสสัมผัสแบบนุ่มๆ พร้อมไส้ลาวาเยิ้มๆ เข้ากับไอศกรีมอย่างดีงาม
ก่อนจะลากันไปก็ขอถ่ายภาพรวมเหล่า Blogger จากเพจ และเว็บไซต์ต่างๆ รวมถึงทีมงานใจดีของสิงห์ ผู้บริหาร และ เชฟ ผู้รังสรรเมนูเหล่านี้ เป็นที่ระลึกเสียหน่อย ขอบคุณมากครับ